Liver restoration

ทรีทเม้นท์กระตุ้นตับเพื่อขับสารพิษออกจากร่างกาย

ตับของเราเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่เก็บสะสมสารอาหาร ควบคุมการเผาผลาญ ผลิตฮอร์โมนต่างๆ และขับสารที่เป็นพิษออกจากร่างกาย หากสุขภาพของตับไม่ดีเสียแล้ว ก็ย่อมส่งผลให้สุขภาพร่างกายโดยรวมย่ำแย่ตามไปด้วย วีว่าเวล คลินิก ของเรา จึงได้มีบริการทำ Liver Restoration เพื่อเน้นฟื้นฟูการทำงานของตับให้สามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Liver Restoration คืออะไร?

Liver Restoration คือการรักษาที่ใช้การให้สารอาหารจำเป็นต่างๆ อย่างวิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน และเปปไทด์กลูต้าไธโอน เพื่อเข้าไปฟื้นฟูตับและเสริมการทำงานของตับในการขับสารพิษออกจากร่างกาย โดย Peptide glutathione (เปปไทด์กลูต้าไธโอน) จะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความบาดเจ็บเสียหาย รวมทั้งช่วยในกระบวนการเปลี่ยนสารพิษที่เข้าสู่ตับให้อยู่ในรูปที่ไม่เป็นพิษก่อนขับออกจากร่างกายด้วย ส่วนวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ ก็มีส่วนช่วยบำรุงร่างกายโดยรวม และยังทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ในกระบวนการต่างๆ ของตับอีกด้วย

ทำไม Liver Restoration ต้องใช้การฉีดแทนการกิน?

เนื่องจากสารประเภทเปปไทด์อย่างกลูต้าไธโอน เมื่อรับประทานเข้าไปจะต้องถูกย่อยและดูดซึมผ่านทางเดินอาหารก่อน ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถนำสารเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ แตกต่างจากการฉีดสารเข้าสู่หลอดเลือดโดยตรง ซึ่งสารอาหารจะถูกดูดซึมได้อย่างเต็มที่โดยไม่ถูกย่อยสลาย รวมทั้งสามารถออกฤทธิ์ได้ทันทีและมีประสิทธิภาพมากกว่า

Liver Restoration เหมาะกับใคร?

การทำ Liver Restoration เหมาะกับคนที่มีโอกาสสัมผัสสารพิษเป็นประจำ เช่น เกษตรกรที่ต้องเผชิญกับปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง คนที่ทำงานหรืออยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม คนที่ทานอาหารแปรรูปบ่อยๆ คนที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่อย่างหนัก รวมถึงคนที่ทำงานหนัก อ่อนเพลีย นอนน้อย และคนทั่วไปที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพด้วย

Liver Restoration ควรทำบ่อยแค่ไหน?

จำนวนครั้งในการทำ Liver Restoration นั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายคนไข้ เป้าหมายการรักษา และการประเมินโดยแพทย์ โดยความถี่ในการทำสำหรับคนที่ต้องการขับสารพิษ อาจอยู่ที่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรืออาจมากหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อควรระวังในการการทำ Liver Restoration

หลังการทำ Liver Restoration ตับจะมีอัตราการสร้างเมตาบอไลต์และการขับสารพิษอย่างรวดเร็ว คนไข้จึงควรหลีกเลี่ยงการรับสารพิษเข้าไปใหม่ เช่น ควรงดการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อหนักๆ ด้วย